เอาชนะคู่แข่งด้วย Data Driven Marketing กลยุทธ์ที่ใช้ข้อมูลช่วยธุรกิจ สร้างผลกำไร

เอาชนะคู่แข่งด้วย Data Driven Marketing กลยุทธ์ที่ใช้ข้อมูลช่วยธุรกิจ สร้างผลกำไร
ให้คะแนน post

ยินดีต้อนรับสู่ยุคดิจิทัล! ในยุคนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของ Data หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือคิดจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ทำไมคุณต้องรู้ถึงความสำคัญของ “Data Driven Marketing” มาดูกันว่ามันคืออะไร และทำไมข้อมูลถึงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ?


รู้จะจักกับ Data Driven Marketing

รู้จักกับ Data Driven Marketing

“Data Driven Marketing” (การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล) เป็นการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจากหลายแหล่ง เช่น การซื้อสินค้า, การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต, การทำปฏิสัมพันธ์กับโฆษณา, การปฏิสัมพันธ์ในโซเชียลมีเดีย และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์และสร้างแนวทางหรือแคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์ต่อพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

นิยามและประโยชน์ของ Data Driven Marketing

“Data Driven Marketing” เป็นการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อกำหนดและนำทางกลยุทธ์การตลาด ในการตัดสินใจ ธุรกิจจะใช้ข้อมูลจริงจากลูกค้าและตลาดเพื่อเติมเต็มเป้าหมายการตลาด.

ประโยชน์ของ Data Driven

หากจะสรุป Data Driven เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ใช่เพียงการส่งแคมเปญ แต่เป็นการสื่อสารที่มีเป้าหมายชัดเจนกับลูกค้า ทำให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างมั่นใจ และเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล!

  • รู้จักลูกค้าในมิติใหม่: ด้วยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ เราสามารถเข้าใจพฤติกรรม, ความต้องการ, และความสนใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์มากขึ้น.
  • ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: ธุรกิจจะไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการทดสอบและผิดพลาดเมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนเป็นฐาน.
  • ตอบสนองความต้องการของตลาดได้เร็ว: ด้วยข้อมูลและการวิเคราะห์ เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์, บริการ หรือแคมเปญในทันที เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในตลาด.
  • สร้างความน่าเชื่อถือ: เมื่อลูกค้าเห็นว่าธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ ความน่าเชื่อถือและความภักดีต่อแบรนด์ก็เพิ่มขึ้น.
  • เพิ่มโอกาสในการขาย: ด้วยการส่งข้อเสนอและโปรโมชั่นที่ตรงเป้า โอกาสที่ลูกค้าจะตอบรับเพิ่มขึ้น.

ความเปลี่ยนแปลงและวิธีการทำตลาดในยุคดิจิทัล

เรียกได้ว่าการตลาดในยุคดิจิทัลมาไกลมากๆ ด้วยเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ค้าและลูกค้ามี interact กัน หากเรามองย้อนกลับไปเมื่อสอง-สามทศวรรษที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้ก็เสมือนกับการวิวัฒนาการของการตลาดเอง ดังนั้น เราจะมาสำรวจการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ในวิธีการตลาดของยุคดิจิทัลกัน:

  • การเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว: ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ในทันที โดยไม่ต้องรอเวลาหรือเสียค่าใช้จ่ายมาก.
  • การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย: Social Media คือ สร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเป็นนักประชาสัมพันธ์ของตนเอง การตลาดผ่านช่องทางนี้ช่วยในการสร้าง engagement และรับฟีดแบ็คจากลูกค้าโดยตรง.
  • การสร้างเนื้อหา (Content Marketing): การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพดีเพื่อดึงดูดลูกค้าเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทิศทางใหม่ ทั้งบทความ, วิดีโอ, ป็อดคาสต์ และอื่น ๆ
  • การประยุกต์ใช้ Big Data และ AI: การวิเคราะห์ข้อมูลในปริมาณมากและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจมองเห็นและตอบสนองต่อลูกค้า.
  • การตลาดผ่านมือถือ: ด้วยการเพิ่มขึ้นของการใช้สมาร์ทโฟน การตลาดผ่านมือถือเป็นสิ่งจำเป็น เช่น เว็บไซต์ที่ตอบสนองต่อมือถือ, แอพพลิเคชั่น, และการตลาดผ่าน SMS.
  • การปรับใช้วิธีการแบบ Interactivity: ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างประสบการณ์ของตนเอง ตั้งแต่การปรับแต่งผลิตภัณฑ์จนถึงการรีวิวและให้คะแนน.
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR และ VR: การเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality) หรือเติมเต็มจริง (Augmented Reality) สร้างประสบการณ์ที่น่าทึ่งสำหรับลูกค้า.
  • การตลาดแบบ Personalization: การเสนอโปรโมชั่นหรือเนื้อหาตามความสนใจและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล.

ขั้นตอนการเริ่มต้นกับ Data Driven Marketing

ขั้นตอนการเริ่มต้นกับ Data Driven Marketing
  • กำหนดเป้าหมาย: คำถามที่คุณต้องการคำตอบจากข้อมูลคืออะไร? ต้องการทราบแนวโน้มเกี่ยวกับลูกค้าประเภทไหน?
  • รวบรวมข้อมูล: ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, CRM หรือแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูล.
  • วิเคราะห์ข้อมูล: จัดการและตรวจสอบข้อมูลเพื่อค้นหาแนวโน้ม, แพตเทิร์น, หรือข้อมูลที่สำคัญ.
  • แปลความหมาย: อธิบายและแปลความหมายของข้อมูลที่ได้วิเคราะห์ เพื่อให้ทราบว่ามันหมายความว่าอย่างไรกับธุรกิจของคุณ.
  • ปรับแผนการตลาด: ใช้ข้อมูลที่ได้ในการปรับปรุงหรือยกระดับแผนการตลาดของคุณ วางแผนโปรโมชั่น, คอนเทนต์, หรือวิธีการเข้าถึงลูกค้าใหม่.
  • วัดผลและปรับปรุง: หลังจากใช้ข้อมูลในการตลาด, วัดผลว่าการตลาดดังกล่าวสำเร็จหรือไม่ และปรับแผนต่อไปตามข้อมูลที่ได้รับ.

การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ

การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับธุรกิจ แต่หากเราพูดถึง Data Driven คือการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล, เราสามารถอธิบายความสำคัญและวิธีการกำหนดเป้าหมายได้ดังนี้

  1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
    การเริ่มต้น Data Driven ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นขั้นตอนแรก ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายเกี่ยวกับการเพิ่มยอดขาย, เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์, หรือเพิ่ม engagement ในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น.
  2. วัตถุประสงค์ที่สนับสนุนเป้าหมาย
    เป็นการแตกย่อยเป้าหมายใหญ่เป็นหน่วยที่เล็กลง เช่น ถ้าเป้าหมายคือการเพิ่มยอดขาย วัตถุประสงค์ย่อยอาจเป็น “เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จากโฆษณาออนไลน์ 10% ภายใน 3 เดือน”
  3. วิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบัน
    ดูว่าธุรกิจของคุณมีข้อมูลใดบ้างที่สามารถช่วยในการประเมินหรือสนับสนุนเป้าหมายและวัตถุประสงค์ดังกล่าว.
  4. สร้างแผนการดำเนินงาน
    ตอนนี้คุณทราบละว่าต้องทำอะไร ควรสร้างแผนการตลาดที่เน้นไปที่การใช้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ.
  5. วัดผลและประเมิน
    หลังจากดำเนินการตามแผน, ควรวัดผลว่าการดำเนินงานมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังหรือไม่ และเรียนรู้จากข้อมูลเพื่อปรับปรุงในรอบถัดไป.

การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล

การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญของ Data Driven ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและปรับปรุงแผนการตลาดให้เข้ากับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น มาดูกันว่าแต่ละขั้นตอนนั้นทำอย่างไร

  1. การเก็บข้อมูล (Data Collection)

เครื่องมือการวัด: เครื่องมือวัดผลเช่น Google Analytics, Facebook Insights, หรือ CRM สามารถใช้เก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, การทำธุรกรรม, และการเข้าถึงแคมเปญต่างๆ ได้

แบบสอบถาม: สำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมจากลูกค้าผ่านแบบสอบถามออนไลน์หรือแบบสอบถามด้านภายใน

การเก็บข้อมูลเบื้องต้น: ใช้เทคนิคในการเก็บข้อมูลจากลูกค้าเมื่อพวกเขาทำธุรกรรม หรือสมัครสมาชิกกับแบรนด์ของคุณ

  1. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)

การเตรียมข้อมูล: คือการตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด, ไม่ครบถ้วน และประสานข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ให้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้

การวิเคราะห์แนวโน้ม: ค้นหาแนวโน้มหรือแพตเทิร์นจากข้อมูล เช่น การวิเคราะห์การซื้อของลูกค้า หรือพฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์

การทำการทดลอง (A/B Testing): ทดสอบการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในแคมเปญเพื่อเห็นว่าอะไรทำให้ได้ผลดีที่สุด

การวิเคราะห์เฉพาะกลุ่ม: สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคุณสมบัติ เช่น อายุ, เพศ, หรือพฤติกรรมการซื้อ เพื่อวิเคราะห์และนำไปประยุกต์ในการตลาดได้

การตั้งคำถามที่ถูกต้องเพื่อตัดสินใจ

การตั้งคำถามที่ถูกต้องสำหรับ Data Driven คือการสร้างคำถามที่เน้นไปที่วัตถุประสงค์หลักของการตลาด, และสามารถนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้ได้คำตอบที่มีประโยชน์สำหรับการตัดสินใจในแคมเปญการตลาดของคุณ ดังนี้

  • ความเข้าใจในลูกค้า: ลูกค้าของเราเป็นอย่างไร? พวกเขาต้องการอะไร? และทำไมพวกเขาถึงเลือกหรือไม่เลือกสินค้าหรือบริการของเรา?
  • ความสำคัญของข้อมูล: ข้อมูลใดที่เรามีอยู่แล้วที่สามารถช่วยในการตอบคำถามด้านการตลาด?
  • การวัดผล: ข้อมูลไหนที่สามารถบ่งชี้ถึงความสำเร็จของแคมเปญการตลาด? และเราควรวัดผลเช่นไร?
  • ปรับปรุงและการเรียนรู้: จากข้อมูลที่เราได้รับ, มีอะไรที่เราควรปรับเปลี่ยนหรือทดลองในแคมเปญการตลาดครั้งถัดไป?
  • การส่งมอบค่า: แคมเปญการตลาดของเราสร้างค่าใดให้กับลูกค้า? และเราสามารถใช้ข้อมูลในการเพิ่มค่านี้ได้อย่างไร?
  • การทดสอบ: เราควรทดลองสิ่งใดในแคมเปญการตลาดครั้งถัดไป? และข้อมูลไหนที่เราต้องการเพื่อยืนยันว่าทดลองนั้นสำเร็จ?

เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ช่วยใน Data Driven Marketing

เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ช่วยใน Data Driven Marketing

เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการรวบรวม, การวิเคราะห์ และการประยุกต์ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และในยุคนี้ AI และ Machine Learning ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนงาน Data

  1. แพลตฟอร์มและเครื่องมือทั่วไปสำหรับ Data Driven

Google Analytics: เป็นเครื่องมือฟรีที่ใช้วัดประสิทธิภาพเว็บไซต์ และความประพฤติของผู้ใช้

Facebook Analytics: เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดประสิทธิภาพการโฆษณาบน Facebook และ Instagram

HubSpot: รวมทั้ง CRM, การออโตเมชันการตลาด, และเครื่องมือวัดผลเพื่อสนับสนุน Data Driven

  1. AI และ Machine Learning สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล

IBM Watson: ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์สถิติ, การทำนาย, และการเรียนรู้เพื่อหาความรู้จากข้อมูลใหญ่

Google Cloud AutoML: ให้ผู้ใช้สร้างโมเดล Machine Learning โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ด

DataRobot: แพลตฟอร์มที่ให้บริการการสร้าง, การเรียนรู้, และการประยุกต์ใช้ Machine Learning แบบอัตโนมัติ

ChatGPT: ปัจจุบันได้มีปลั๊กอินถูกพัฒนามาเพื่อแก้ไขข้อจำกัด และอำนวยความสะดวก ทำให้เราใช้ ChatGPT ได้สะดวกสะบายมากขึ้น

  1. การประยุกต์ใช้ AI และ Machine Learning

การแนะนำสินค้า (Product Recommendations): ใช้ AI ในการวิเคราะห์ประวัติการซื้อ และพฤติกรรมการเข้าชมเพื่อแนะนำสินค้าที่เหมาะสม

การปรับเนื้อหาแบบเรียลไทม์: ปรับเปลี่ยนเนื้อหาในเว็บไซต์หรือแอปตามความสนใจของแต่ละผู้ใช้งาน

การทำนายการตกทอดของลูกค้า (Churn Prediction): ใช้ Machine Learning ในการทำนายว่าลูกค้าคนไหนจะหยุดใช้บริการหรือสินค้าของคุณ

การนำ Data Driven มาใช้กับองค์กร

การนำ Data Driven มาใช้กับองค์กร

การใช้ Data Driven ไม่ได้หมายถึงแค่การใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับวิธีที่องค์กรจัดการกับข้อมูลและการทำงานร่วมกันระหว่างทีมต่างๆ ดังนี้

  1. การสร้างวัฒนธรรมการตัดสินใจด้วยข้อมูลในองค์กร

สนับสนุนจากผู้บริหาร: หากผู้บริหารให้ความสำคัญและสนับสนุน จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น

ฝึกฝนการตัดสินใจ: ส่งเสริมให้พนักงานมีการคิดแบบเชิงวิเคราะห์ และฝึกให้พนักงานเข้าใจว่าข้อมูลจะช่วยทำให้เข้าใจภาพรวมของปัญหาอย่างชัดเจน

  1. การประสานงานระหว่างทีมการตลาดและทีมวิเคราะห์ข้อมูล

มีการสื่อสารที่ชัดเจน: ทำให้ทั้งสองทีมเข้าใจวัตถุประสงค์ของงาน และมีการสื่อสารเป็นประจำเพื่อแชร์ความเข้าใจ

การตั้งคำถามที่ถูกต้อง: ทีมการตลาดควรถามคำถามที่ชัดเจนแก่ทีมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้การวิเคราะห์เป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ

  1. การอบรมและการพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับทีมการตลาด

เข้าร่วมการอบรม: ส่งทีมการตลาดเข้าร่วมการอบรมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้มีความเข้าใจในเบื้องต้น

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์: แนะนำให้ทีมการตลาดใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เช่น Google Analytics หรือ Excel เพื่อเรียนรู้และประยุกต์ใช้ในงานประจำวัน

สรุป

สรุป

ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว การใช้ข้อมูลเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจที่ถูกต้องและรวดเร็ว ความสำคัญของการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจทางการตลาด คือเสาหลักที่ช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เพียงแต่ในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า แต่ยังช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาด

แต่การมีข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ สิ่งที่เป็นความจริงคือ การเตรียมตัวของธุรกิจในการเผชิญหน้ากับการแข่งขันในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะของทีมงาน การนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน, หรือการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดในยุคดิจิทัลที่ซับซ้อน

เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในยุคนี้, การรวมระหว่างข้อมูลและยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้. และเมื่อมีการตัดสินใจที่มุ่งมั่นและมีเป้าหมายชัดเจน ความสำเร็จในยุคดิจิทัลจะไม่ไกลเกินบริบท.